หัวข้อ
    ความแตกต่างระหว่างนักเก็งกำไรและ Market Maker 
    bybit2024-10-23 10:57:47

    นักลงทุนในตลาดออปชันส์มีสองประเภทหลัก ไดแก้ นักเก็งกำไรและ Market Maker โดยแต่ละฝ่ายจะเทรดในรูปแบบที่แตกต่างกันเพื่อทำกำไร

     

    นักเก็งกำไร: โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนที่ซื้อและขายออปชันเดียว หรือสร้างกลยุทธ์การเทรดหลายออปชันส์ในตลาดจะทำหน้าที่เป็นนักเก็งกำไร โดยนักเก็งกำไรจะทำกำไรโดยการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิงในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต รวมถึงการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิงหรือ Implied Volatility (IV) ของออปชัน

    Market Maker: Market Maker มักจะเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่ตกลงตามสัญญาว่าจะให้สภาพคล่อง (นั่นคือ การให้ทั้ง Bid และ Ask) แก่ตลาดโดยการซื้อและขายออปชันอย่างต่อเนื่องพร้อมๆ กัน

     

    เนื่องจากออปชันส์สำหรับสินทรัพย์อ้างอิงโดยทั่วไปมีวันหมดอายุหลายวัน วันหมดอายุแต่ละวันจะมีหลายราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price) แก่นักเทรด และราคาใช้สิทธิ์แต่ละราคาจะมีทั้ง Call และ Put Option  ดังนั้น Market Maker จำเป็นต้องดูแลออปชันส์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน พร้อมเป็นการให้สภาพคล่องแก่ตลาดอีกด้วย การดำเนินงานของตลาดประเภทนี้มักต้องมีความอดทนต่อความเสี่ยงสูง รวมถึงมีเงินทุนจำนวนมากรองรับ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม Market Maker จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่

     

    ซึ่งแตกต่างจากนักเก็งกำไร โดยที่ Market Maker จะกำไรจากสเปรดระหว่าง Bid และ Ask ของออปชัน ความแตกต่างของราคาระหว่างราคา mid-price และราคา bid-ask ถือได้ว่าเป็นรางวัลสำหรับ Market Maker สำหรับการให้บริการสภาพคล่องแก่ตลาด

     

    เนื่องจากความแตกต่างที่อธิบายไว้ข้างต้น นักเก็งกำไรและ Market Maker จึงมีความไวต่อราคาตลาดที่แตกต่างกัน โดยนักเก็งกำไรมักแสวงหากำไรที่มากขึ้นระหว่างการซื้อและการขายในการเทรดครั้งเดียว ในขณะที่ Market Maker กังวลเกี่ยวกับวิธีทำกำไรจากสเปรด bid-ask ซึ่งเป็นความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างราคา bid และ ask ในการเทรดจำนวนมาก 

     

    Market Maker มักต้องจัดการโพสิชันที่ซับซ้อนและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดออปชันส์ ซึ่งทำให้ Market Maker อ่อนไหวต่อราคามากกว่านักเก็งกำไร

     

     

    การกำหนดราคาออปชัน

    ในตลาดการลงทุนที่แท้จริง นักลงทุนประเภทต่างๆ ไม่ได้มีบทบาทเดียวเสมอไป โดยเมื่อทำการเสนอราคา Market Maker ไม่เพียงแต่คำนึงถึงราคาสินทรัพย์อ้างอิงและความผันผวนของตลาดเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงโพสิชันที่ถือครองของตน และการประเมินการเคลื่อนไหวของตลาดอีกด้วย ในตลาดกระทิงและตลาดหมี Market Maker จะถือโพสิชันที่ตรงข้ามแนวโน้มตลาดปัจจุบันแบบไม่มากนัก เพราะพวกเขาจำเป็นต้องวางคำสั่งซื้อและคำสั่งขายในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในตลาดกระทิง ราคาของ Market Maker อาจถูกเบี้ยวอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ราคา Ask สูงขึ้นสำหรับ Call Options และราคา Bid ต่ำลงสำหรับ Put Options

     

    จากข้อมูลดังกล่าว จะพบว่ามีความสัมพันธ์แบบแข่งขันระหว่างนักเก็งกำไรและ Market Maker โดยราคาของออปชันส์ในที่สุดจะเกิดจากการปฏิสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ ของผู้เข้าร่วมในตลาดที่แตกต่างกัน 

     

    คำแนะนำ

    หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรดออปชันส์ และประเมินโอกาสในการเทรดได้แม่นยำยิ่งขึ้น โปรดดูข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Implied Volatility (IV) และ USDC Options 

    มีประโยชน์หรือไม่?
    yesมีyesไม่มี