Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL) เป็นวิธีจัดการความเสี่ยง คําสั่ง TP จะช่วยให้คุณรักษาผลกําไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่ผันผวน ในขณะเดียวกัน คําสั่ง SL จะช่วยให้คุณจํากัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้

ความแตกต่างระหว่างคําสั่ง TP/SL, คําสั่ง OCO และคำสั่งแบบมีเงื่อนไข

คําสั่ง TP/SL คล้ายกับคําสั่งแบบมีเงื่อนไข โดยมีความแตกต่างดังนี้:

 

TP/SL แบบสปอตทํางานอย่างไร

1. ส่งคําสั่ง TP/SL โดยตรงจากโซนคําสั่ง

 

 

คุณสามารถตั้งค่าราคาทริกเกอร์ ราคาคําสั่ง (คำสั่ง Limit) และปริมาณคําสั่งเป็นคําสั่ง TP/SL ได้ สินทรัพย์จะถูกครอบครอง ณ เวลาที่มีการส่งคำสั่ง TP/SL เมื่อราคาเทรดล่าสุดถึงราคาทริกเกอร์ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า จะมีการกําหนดขีดจํากัดหรือคำสั่งตลาดตามพารามิเตอร์คําสั่งปัจจุบัน 

— คำสั่งตลาดจะถูกจับคู่ทันทีในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ 

— คําสั่ง Limit จะถูกส่งไปยังสมุดคำสั่งและรอการดําเนินการในราคาคําสั่งที่ระบุ หากราคาตลาด/ราคาขายที่ดีที่สุดดีกว่าราคาคำสั่ง คําสั่ง Limit อาจดำเนินการได้ทันทีในราคาตลาด/ราคาขายที่ดีที่สุด ดังนั้น นักเทรดควรใช้ความระมัดระวังในการดําเนินการคําสั่ง Limit โดยไม่มีการรับประกัน เนื่องจากอยู่ภายใต้การเคลื่อนย้ายราคาและสภาพคล่องของสมุดคําสั่ง

ตัวอย่าง

สมมติว่าราคา BTC ปัจจุบันอยู่ที่ 20,000 USDT นี่คือสถานการณ์บางอย่างสําหรับคำสั่ง TP/SL ที่มีทริกเกอร์และราคาสั่งที่แตกต่างกัน 

 

2. คําสั่ง TP/SL ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าพร้อมกับการส่งคำสั่ง Limit (เฉพาะสําหรับ UTA)

 

 

นอกเหนือจากการส่งคำสั่ง Limit นักเทรดยังมีตัวเลือกในการรวมชุดคําสั่ง TP หรือ SL ไว้ด้วย เมื่อคําสั่ง Limit ถูกดําเนินการแล้ว คําสั่ง TP และ SL จะถูกส่งโดยอัตโนมัติตามราคาที่ตั้งไว้ล่วงหน้าและจํานวนคําสั่งที่ระบุ 

 

แนวทางนี้สอดคล้องกับตรรกะของคําสั่ง One-Cancel-the-Others (OCO) ซึ่งมีเพียงด้านเดียวของมาร์จิ้นคําสั่งที่มีการใช้งานอยู่ ผู้ค้ามีตัวเลือกในการส่งคําสั่ง TP และ SL พร้อมกันเป็นคําสั่งตลาดหรือ Limit สําหรับสินทรัพย์เดียว การยกเลิกหนึ่งคําสั่งโดยอัตโนมัติจะทริกเกอร์คำสั่งอื่น อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสําคัญสําหรับนักเทรดที่กําลังส่งคําสั่ง Limit TP/SL เพื่อทําความเข้าใจว่าคําสั่ง TP/SL ที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิกทันทีเมื่อคําสั่ง Limit TP/SL ถูกทริกเกอร์ แม้ว่าจะยังไม่ได้ส่งคําสั่ง Limit TP/SL

 

ในบางกรณี หากมีการขึ้นราคาใหม่ อาจส่งผลให้ราคาในคําสั่ง Limit TP/SL ของคุณไม่ถึงระดับที่สามารถดําเนินการได้ ในขณะที่คําสั่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องถูกยกเลิกแล้ว

ตัวอย่าง

นักเทรด A ส่งคําสั่ง Limit ซื้อ BTC ที่ 40,000 USDT ในขณะเดียวกัน พวกเขาได้ตั้งค่า TP/SL ไว้ล่วงหน้าตามคำสั่ง Limit ดังนี้:

• ราคาคำสั่ง Limit: 40,000 USDT

• ปริมาณคำสั่ง: 1 BTC

• Take Profit Limit: ราคาทริกเกอร์ที่ 50,000 USDT ราคาคำสั่งที่ 50,500 USDT

• Stop Loss Market: ราคาทริกเกอร์ที่ 30,000 USDT

 

สมมติว่าราคาของ BTC สูงถึง 40,000 USDT คําสั่ง Limit ถูกจับคู่แล้ว และส่งคำสั่ง TP/SL แล้ว 

สถานการณ์ที่ 1: ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 USDT คําสั่ง TP จะถูกทริกเกอร์ และคําสั่งขาย Limit TP ที่จํากัดการขายที่มีราคาคำสั่ง USDT 50,500 จะถูกวางลงในสมุดคําสั่งและรอการดําเนินการ ดังนั้นคําสั่ง SL จึงถูกยกเลิก

สถานการณ์ที่ 2:ราคาลดลง เหลือ 30,000 USDT คําสั่ง SL จะถูกทริกเกอร์ และคําสั่งขาย SL ในตลาดจะถูกส่ง 1 BTC จะขายในราคาตลาดที่ดีที่สุดมีอยู่

หมายเหตุ:

— ฟีเจอร์ TP/SL ที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าในคําสั่ง Limit ใช้ได้กับผู้ใช้บัญชี Unified Trading Account เท่านั้น โปรดเยี่ยมชมที่นี่เพื่อเรียนรู้วิธีอัปเกรดเป็น UTA

— สําหรับคําสั่ง sell TP/SL ที่แนบมากับคําสั่ง Spot Limit ของคุณ ราคาทริกเกอร์ TP จะต้องสูงกว่าราคาคําสั่ง Limit ของคุณ ในขณะที่ราคาทริกเกอร์ SL จะต้องต่ํากว่าราคาคําสั่ง Limit ของคุณ 

— สําหรับคําสั่ง TP/SL ที่แนบมากับคําสั่ง Spot Limit ของคุณ ราคาทริกเกอร์ TP จะต้องต่ํากว่าราคาคําสั่ง Limit ของคุณในขณะที่ราคาทริกเกอร์ SL จะต้องสูงกว่าราคาคําสั่งจํากัดของคุณ 

— ราคาคำสั่งสําหรับ TP และ SL ไม่สามารถเกินกว่าขีดจํากัดราคาสัญญาที่กําหนดไว้สําหรับราคาทริกเกอร์ในคําสั่ง Limit ตัวอย่างเช่น หากขีดจํากัดราคาสําหรับ BTC/USDT คือ 3% ราคาคําสั่งซื้อ TP/SL ไม่ควรเกิน 103% ของราคาทริกเกอร์ ในขณะที่ราคาของคําสั่งซื้อ TP/SL ไม่ควรต่ํากว่า 97% ของราคาทริกเกอร์ โปรดดูกฎการเทรดแบบสปอตของเราสําหรับการจํากัดราคาเฉพาะสําหรับแต่ละสัญลักษณ์

— หากจํานวนหรือมูลค่าที่เทรดไม่เป็นไปตามข้อกําหนดคําสั่งขั้นต่ําหลังจากดําเนินการตามคําสั่ง Limit TP/SL แล้วของคุณอาจไม่ได้ส่งหรือดําเนินการเมื่อมีการทริกเกอร์